วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิธีการหา JAVA Path บน Ubuntu

การหา java path on ubuntu สามารถทำงานไม่ยาก
ลิงค์ส่วนมากจะอยู่ใน /usr/bin/

วิธีการหา
แสดงรายละเอียดของลิงค์ที่ชื่อว่า java
เปิด terminal จากนั้นพิมพ์

$ls -l /usr/bin/java

lrwxrwxrwx 1 root root 22 2008-12-07 22:16 /usr/bin/java -> /etc/alternatives/java

ก็จะแสดงรายละเอียดประมาณนี้ ข้อความหลังจากเครื่องหมาย -> แสดงว่าไฟล์ java ใน /usr/bin/ นั้นลิงค์ไปที่ /etc/alternatives/java
เมื่อรู้เช่นนี้เราก็ ดูรายละเอียดของ /etc/alternatives/java อีกที

$ls -l /etc/alternatives/java

lrwxrwxrwx 1 root root 40 2008-12-07 22:34 /etc/alternatives/java -> /usr/lib/jvm/java-6-openjdk/jre/bin/java

ก็จะแสดงรายละเอียดของ java path

javapath คือ /usr/lib/jvm/java-6-openjdk/jre/bin/java

Restore Grub bootloader in Ubuntu 9.10

เมื่อเราได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการที่ไม่ ใช่ Linux บนเครื่องคอมพิวเตอร์จะทำให้ GRUB bootloader ที่ถูกติดตั้งไว้หายไป ต่อไปเราจะมาเรียก GRUB นั้นคืนมาก
วิธีการ Restore GRUB bootloader

1. Boot Ubuntu จาก CD/USB flash driver ที่เราใช้ในการติดตั้ง Ubuntu
2. เปิด terminal ขึ้นมา (อาจใช้วิธีนี้ Alt+F2 type "gnome-terminal" แล้ว Enter)
3. พิมพ์

sudo fdisk -l

4. จากนั้นดูว่า Ubuntu ถูกติดตั้งไว้ที่ไหน /dev/sdxyโดยที่x หมายถึง drive ของคุณ และ y หมายถึง linux partition

ตัวอย่างนะครับ Linux ของผมติดตั้งไว้ที่ /dev/sda6

5. เมื่อรู้แล้วว่า linux ถูกติดตั้งไว้ที่ไหน ก็มาเริ่มกันเลย
6. พิมพ์

sudo mount /dev/sda6 /mnt

ใน terminal
7. ขั้นตอนนี้เป็นการติดตั้ง GRUB อีกครั้ง โดยคำสั่ง

sudo grub-install --root-directory=/mnt /dev/sdx

โดย x หมายถึง drive ของคุณ ในกรณีของผมเป็น /dev/sda

8. ทำการ unmount /mnt

sudo umount /mnt

การกำหนด ip static ใน Linux

ข้อมูลต่างๆที่ต้องรู้ก่อนทำการ config นะครับ

=> Host IP address 192.168.1.100 ไอพีเครื่องที่เราจะตั้ง
=> Netmask: 255.255.255.0
=> Network ID: 192.168.1.0
=> Broadcast IP: 192.168.1.255
=> Gateway/Router IP: 192.168.1.254 ไอพีเครื่องที่ต้องการออกอินเตอร์เนต
=> DNS Server: 192.168.1.254

ขั้นตอนแรกเราต้องเข้าไปแก้ไขไฟล์ interfaces

$ sudo nano /etc/network/interfaces

เมื่อเปิดไฟล์ขึ้นมา หากเจอข้อความนี้
iface eth0 inet dhcp

ให้ทำการแก้ไขให้เป็น
iface eth0 inet static
address 192.168.1.100
netmask 255.255.255.0
network 192.168.1.0
broadcast 192.168.1.255
gateway 192.168.1.254

บันทึกไฟล์แล้วทำการ รีสตาร์ ( ไม่ใช่รีสตาร์คอมนะครับ )

$ sudo /etc/init.d/networking restart

ต่อมาทำการ config DNS SERVER
เปิดไฟล์นี่เพื่อทำการแก้ไข

$ sudo vi /etc/resolv.conf

เพิ่มข้อมูลของ DNS ลงไป

search myisp.com
nameserver 192.168.1.254
nameserver 202.54.1.20
nameserver 202.54.1.30

บันทึกไฟล์

ดูรายละเอียดของ network

$ ifconfig -a

ดูแต่ละอัน

$ ifconfig eth0

วิธีตั้งค่า apt-get ผ่าน proxy Linux Ubuntu

เปิด Terminal จากนั้นเข้าไปแก้ไข ไฟล์ apt.conf
ซึ่งอยู่ใน /etc/apt/

ใช้ editor ด้วใดก็ได้ เช่น

$sudo gedit /etc/apt/apt.conf



จากนั้นให้เพิ่มสองบรรทัดต่อไปนี้โดยแทนค่าต่างๆให้สมบูรณ์

Acquire::http::Proxy "http://username:password@proxy:port";
Acquire::ftp::Proxy "ftp://username:password@proxy:port";



เซฟไฟล์แล้วลอง

$sudo apt-get update



เท่านี้ก็จะสามารถ apt-get ได้แล้วล่ะครับ

ดาวโหลดบิท ด้วยโปรแกรม Vuze Linux Ubuntu

ก่อนอื่นเราต้องไปดาวโหลดไฟล์เวอร์ชั่นล่าสุดจากทางเว็บ http://www.vuze.com/
ในที่นี้ใช้ vuze version 4.3(Linux) >> ดาวโหลดไฟล์
เมื่อเราได้ไฟล์มาเรียบร้อยแล้ว เปิด terminal ขึ้นมาเข้าไปใน path ที่เก็บไฟลล์อยู่
ระบบของเราต้อง support Java ด้วย
ตรวจสอบว่าเครื่องมี java version อะไร

$java -version

ในการ ติดตั้ง JAVA

$sudo aptitude install sun-java6-bin

- จากนั้นทำการแตกไฟล์ออกด้วยคำสั่ง

$tar xvjf Vuze_installer.tar.bz2

จากนั้นให้เราเข้าไปใน Folder

$cd vuze
$gedit azureus

เมื่อเปิดไฟล์ขึ้นมาแล้วให้หาข้อความบรรทัดนี้ในไฟล์

#PROGRAM_DIR=”/home/username/apps/azureus” # use full path to Azureus bin dir

เมื่อหาเจอแล้วให้ทำการ replace ด้วยข้อความข้างล่าง

PROGRAM_DIR=”/usr/share/vuze”
*ให้นำเครื่องหมาย # ออกหากมีเครื่องหมายแสดงว่าจะไม่ทำการ Process ข้อความบรรทัดนั้น

บันทึกไฟล์แล้วก็ปิดตัว Text editor

ต่อจากนี้เราจะทำการย้ายไฟล์ต่างๆให้เข้าไปอยู่ในระบบด้วย Terminal
เริ่มด้วยการย้ายไฟล์ azureus ไปไว้ที่ /usr/bin/

$sudo mv azureus /usr/bin/azureus

และอีกไฟล์ก็คือ vuze

$sudo mv vuze /usr/bin/vuze

จากนั้นให้ออกมาที่ directory ที่เก็บ folder vuze

$cd ..

และย้าย folder vuze ไปไว้ที่ /usr/share/

$sudo mv vuze /usr/share/vuze

จากนั้นจะระบุ permissions ของ folder /usr/shaer/vuze ให้โปรแกรมสามารถอัพเดตตัวเองได้

$sudo chown -R 777 /usr/share/vuze

เท่านี้ก็เสร็จการติดตั้ง ทดสอบรันโดยพิมพ์ ชื่อโปรแกรม ใน terminal

$vuze
หรือ
$azureus

นอกจากนั้นก็สามารถเพิ่มให้ main menu ได้อีกด้วย
ได้ให้ไปที่ System > Main Menu >internet >New Item
ให้เลือก

Type : Application
Name : vuze
Command : vuze

เท่านี้เราก็จะมีโปรแกรมโหลดบิทที่ดูดีใช้งานง่าย

หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไวั ณ ที่นี่ด้วย